วันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

บริการบนอินเตอร์เน็ท

ททัศนศิลป์
องค์ประกอบศิลป์                   
เส้น
สี
ค่าน้ำหนัก
รูปร่างรูปทรง
พื้นผิว

หลักการจัดองค์ประกอบศิลป์
สัดส่วน
ความสมดุล
จังหวะลีลา
การเน้น
เอกภาพ



ภาพจิตรกรรม


ศิลปะ เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น
   ในสมัยโบราณ นักปราชญ์ได้ให้ความหมายของศิลปะ (Art) ไว้ว่า ศิลปะ คือ สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น
 ไม่ได้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ   เพราะฉะนั้น   ต้นไม้ ภูเขา ทะเล น้ำตก  ความงดงามต่าง  ๆ
 ตามธรรมชาติจึงไม่เป็นศิลปะ  ดอกไม้ที่เห็นว่าสวยสดงดงามนักหนา   ก็ไม่ได้เป็นศิลปะเลย    ถ้า
 หากเรายึดถือตามความหมายนี้แล้ว      สิ่งที่มนุษย์สร้างสร้างขึ้นทั้งหลาย ก็ล้วนแล้วแต่เป็นศิลปะ
 ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น   ภาพวาด  ภาพพิมพ์  งานปั้น  งานแกะสลัก    เสื้อผ้าอาภรณ์    เครื่องประดับ
 ที่อยู่อาศัย  ยานพาหนะ  เครื่องใช้สอย
       
   ศิลปะเป็นผลงานการสร้างสรรค์
    ในสมัยต่อมา มีผู้ให้ความหมายของศิลปะว่า ศิลปะเป็นผลงานการสร้างสรรค์  ซึ่งในความหมาย
  นี้ เราต้องมาตีความหมายของคำว่า   "การสร้างสรรค์"   กันเสียก่อน   การสร้างสรรค์ หรือที่ภาษา
 อังกฤษเรียกว่า "Cerative" นั้น คือ    การทำให้เกิดบางสิ่งบางอย่างขึ้นมา    ซึ่งบางสิ่งบางอย่างนั้น
 ไม่เคยมีอยู่มาก่อน ทั้งที่เป็นผลิตผล หรือกระบวนการ  หรือความคิด  ดังนั้น สิ่งที่จะเป็นงานสร้าง
 สรรค์ได้จะต้องเป็นประดิษฐ์กรรมใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในโลก   หรือเป็นกระบวนการใหม่ ๆ ที่
 สร้างขึ้นมาเพื่อกระทำการบางสิ่งบางอย่างให้ประสบผลสำเร็จ      หรือเป็นการสร้างแนวคิดใหม่
 ที่จะนำไปสู่วิธีการใหม่ ๆ แนวคิดใหม่ ๆ

    ศิลปะคือความงาม
     เมื่อเราพูดถึง ศิลปะ เรามักจะหมายถึง ความงาม แต่ความงามในที่นี้เป็นเรื่องของคุณค่า (Value) ที่
 เป็นคุณค่าทางสุนทรียะ  แตกต่างจากคุณค่าทางเศรษฐกิจ ที่เป็นราคาของวัตถุ  แต่เป็นคุณค่าต่อจิตใจ
 ความงามเกิดขึ้นด้วยอารมณ์ มิใช่ด้วยเหตุผล   ความคิด หรือข้อเท็จจริง
   การสร้างสรรค์งานศิลปะ  ก็เป็นการถ่ายทอดความงามผ่าน
 สื่อวัสดุต่าง ๆ ออกมา เพื่อให้ผู้อื่นได้สัมผัส ได้พบเห็น  ได้รับรู้ 
    ความงามในงานศิลปะออกเป็น 2 ประเภท คือ
1 ความงามทางกาย (Physical Beauty) เป็นความงามของรูปทรง
     ที่กำหนดเรื่องราว หรือเกิดจากการ  ประสานกลมกลืนกัน
     ของทัศนธาตุ เป็นผลจากการจัดองค์ประกอบทางศิลปะ
   2  ความงามทางใจ (Moral  Beauty) ได้แก่ ความรู้สึก หรืออารมณ์
     ที่แสดงออกมาจากงานศิลปะหรือที่ผู้ชมสัมผัสได้จากงานศิลปะนั้น ๆ
     ในงานศิลปะชิ้นหนึ่ง ๆ มีความงามทั้ง 2 ประเภทอยู่ร่วมกัน  
แต่อาจแสดงออกอย่างใดอย่างหนึ่ง  มากน้อยขึ้นอยู่กับประเภท
  ของงาน  เจตนาของผู้สร้างและการรับรู้ของผู้ชมด้วย 
          ดังนั้น  จึงอาจสรุปได้ว่า "ศิลปะเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นจากความคิดสร้างสรรค์เพื่อให้เกิดความงาม และความพึงพอใจ"
ศิลปะในความหมายต่างๆศิลปะ คือ ผลแห่งความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ที่แสดงออกมาในรูปลักษณ์ต่าง ๆ ให้ปรากฏซึ่ง
 สุนทรียภาพ ความประทับใจ หรือความสะเทือนอารมณ์ ความอัจฉริยภาพ พุทธิปัญญา ประสบการณ์
 รสนิยมและทักษะของแต่ละคน เพื่อความพอใจ  ความรื่นรมย์  ขนบธรรมเนียม  จารีตประเพณีหรือ
 ความเชื่อทางศาสนา 
( พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน, 2530 )
ศิลปะ คือ สิ่งที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้น เพื่อแสดงออกซึ่งอารมณ์  ความรู้สึก  สติปัญญา  ความคิด และ/ หรือความงาม 
( ชลูด  นิ่มเสมอ, 2534 )


อ้างอิงจาก
http://www.google.co.th/
สีลงพื้นอะครีลิค
      สีลงพื้นอะครีลิค  มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะใช้ลงพื้นสำหรับการเขียนภาพสีน้ำมันแห้งเร็วและไม่ต้องใช้สี
ชนิดอื่นทาชั้นล่าง ก่อนสีลงพื้นอะครีลิคมีประสิทธิภาพในการครอบคลุมพื้นอย่างดีแม้จะลงพื้นเพียงครั้งเดียว 
     สีพื้นเกสโซใส (Clear Gesso Base) ใช้ผสมกับสีอะครีลิค และทำเป็นสีลงพื้นอย่างที่ต้องการได้ เช่น เรา
อาจทำลงพื้นสีเข้มก็จะช่วยประหยัดเวลาการเขียนภาพได้มาก
สีลงพื้นสีน้ำมัน
     สี ลงพื้นสีน้ำมัน (Oil Painting Primer) ใช้กันมาตั้งแต่อดีต ศิลปินบางคนชอบใช้เพราะผิวเป็นมัน และเรียบ การลงพื้นสีน้ำมันอาจไม่คล่องตัวเหมือนกับใช้สีลงพื้นอะครีลิค การลงพื้นจะต้องลงพื้นด้วยการระบายบางๆใน ชั้นแรกและทิ้งไว้ข้ามคืน ในอดีตใช้สีลงพื้นฟาวน์เดชันไวท์ (Foundation White) ซึ่งเป็นสีขาวตะกั่ว
(White Lead Oil) นิยมใช้กันมาจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 20  สีขาวตะกั่วต้องใช้เวลาแห้งถึง 6 เดือน ทุกวันนี้จึง
นิยมใช้สีลงพื้นสีน้ำมันแทน
    การ ประสบความสำเร็จในการเขียนภาพสีน้ำมัน  ขึ้นอยู่กับคุณภาพของพื้นภาพ เช่นเดียวกับการเลือกใช้สี น้ำมันที่มีคุณภาพ ปัญหามากมายหลายอย่างในกลวิธีเขียนภาพ มักขึ้นอยู่กับคุณภาพของพื้นผ้าใบที่รองภาพ
พื้นภาพ หากใช้สีลงพื้นที่ดี มีคุณภาพ แล้วจะสามารถสร้างพื้นผิวได้อย่างดี  ทั้งสภาพการดูดซับและลงพื้นสี
ดังนั้นจะต้องสร้างพื้นภาพให้ดี เช่นเดียวกับการใช้สีที่ดีมีคุณภาพในทุกๆครั้งที่เขียนภาพผลงาน
สีน้ำมัน
ระดับคุณภาพของสี และการผสมผสาน
    จาก คริสต์ศตวรรษที่ 16-18 สีน้ำมันได้ยึดครองโลกของจิตรกรรมไว้เกือบทั้งหมด คริสต์ศตวรรษที่ 19 สีน้ำ ได้เพิ่มความนิยมขึ้นเป็นอย่างมาก  ถึงครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 20 สีอะครีลิคเริ่มมีบทบาทขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม สีน้ำมันก็ยังคงเป็นที่ชื่นชอบของศิลปินมืออาชีพส่วนใหญ่  ในขณะนี้สีน้ำมันยังคงเป็นเลิศเร้าใจ และมีกลิ่นที่ท้าทาย สีน้ำมันมีอยู่ 5 ลักษณะดังนี้
   1.สีน้ำมันแบบดั้งเดิม
          สีน้ำมันแบบดั้งเดิมเลือกใช้ได้สอง ลักษณะ สีน้ำมันสำหรับศิลปินมีหลากหลายสี ผลิตจากรงควัตถุที่มี      ความเข้มข้นสูงและมีสีที่เด่นชัด  กลวิธีระบายสีที่หลากหลาย และ ดีเยี่ยมจะเกิดขึ้นได้ก็จากคุณภาพสีที่ดี      สีน้ำมันชนิดนี้จะบรรจุในหลอดดีบุกหรือตะกั่ว(บางครั้งอาจเป็นโลหะชนิด พิเศษสำหรับบรรจุโดยเฉพาะ)
    2.สีน้ำมันแห้งเร็ว
         สีน้ำมันแห้งเร็วกริฟฟินอัลคีด (Giriffin Alkyd Fast Drying Oil)  ใช้ได้ตั้งแต่กลวิธีระบายสีหนาจนถึงการ
     ระบายฉาบสี เป็นสีที่แห้งเร็วกว่าสีน้ำมันแบบดั้งเดิม สีกริฟฟินมีความโปร่งแสงมากกว่าสีทั่วไป และเมื่อทำ      การระบายสีหลายชั้นจะมีความมันมากกว่าปกติ
     3.สีน้ำมันผสมน้ำ
          สี น้ำมันผสมน้ำ (Water Mixable Oil Colour) เป็นสีน้ำมันลักษณะใหม่ ซึ่งใช้ผสมน้ำแทนน้ำมันผสมสี       มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับสีน้ำมันที่นิยมกัน สีน้ำมันชนิดนี้เหมาะกับการใช้ในโรงเรียนและในสตูดิโอ ที่ไม่       ชอบกลิ่นเทอร์เพนไทน์ และไม่ต้องการใช้น้ำมันผสมสี เมื่อไม่ใช้น้ำมันผสมสีอันตรายที่อาจเกิดขึ้นก็ลด
      ลง การทำความสะอาดพู่กันและจานสีก็ใช้เพียงสบู่เหลวผสมกับน้ำอุ่นเท่านั้น
     4.สีน้ำมันแท่ง
          สีน้ำมันแท่งสำหรับศิลปิน (Artists Oilbar) เป็นสีน้ำมันชนิดแท่ง มีความนุ่มนวลเข้มข้น ใช้เขียนภาพ
      ได้ทันที มีคุณสมบัติเหมือนสีที่นิยมกันทั่วๆไป ไม่ใช่สีเทียนหรือสีชอล์ก เนื้อสีของสีน้ำมันแท่ง มีความ
      ถาวรสูง บางครั้งผู้ที่เขียนภาพเป็นงานอดิเรกก็นิยมนำไปใช้ เพราะสามารถใช้งานได้เลย
     5.การผสมผสานสีน้ำมันที่ต่างกัน
          สีลักษณะต่างๆเหล่านั้นสามารถใช้ผสมผสานกันได้ มีข้อยกเว้นดังนี้ไม่แนะนำให้ใช้สีน้ำมันแท่งหนาๆ
      ใต้สีชนิดอื่น เมื่อใช้สีน้ำมันผสมสีน้ำอาทีซาน สีชนิดอื่นก็ไม่ควรใช้ร่วม
ความคงทน
     ศิลปินทุกคนต้องการที่จะให้สีมีความคงทนมากที่สุด โชคดีที่คริสต์ศตวรรษที่ 20 สี ได้รับการพัฒนา
ให้ตอบสนองแสงได้อย่างดียิ่ง เช่น สีวินเซอร์และนิวตันระดับ AA หรือ A  (**** หรือ *** วินตัน )  เป็นสี
ที่มีีความคงทนสูง ระดับความคงทนแสดงไว้บนฉลากและบนชาร์ทสี ข้อมูลแหล่งกำเนิด ส่วนผสม และความ คงทนของสี  ดูได้ในคู่มือ “ ส่วนผสมและความคงทนของสีสำหรับศิลปิน
 
การแห้งของสี
     ระดับการแห้งของสีที่ต่างกันมีอยู่ในสีน้ำมัน เพราะทุกสีมีปฏิกิริยาต่างกันเมื่อผสมน้ำมัน เช่นสีวินเซอร์และ
นิวตัน มีสูตรเฉพาะตัวสำหรับระยะเวลาการแห้งที่ดี  เพื่อช่วยให้ศิลปินไม่มีปัญหากับการแห้งช้าของสีีชั้นล่าง อย่างไรก็ตาม  ระยะเวลาการแห้งของสีแต่ละสี จะเป็นประโยชน์กับแต่ละกลวิธีในการระบายสี    ซึ่งระยะเวลา
เสนอแนะดังนี้
สีน้ำมันสำหรับศิลปิน
สีน้ำมันวินตัน
สีน้ำมันผสมน้ำอาร์ทิซาน
แห้งใน 2-12 วัน
สีน้ำมันแท่งแห้งใน
2 – 7 วัน
สีน้ำมันแห้งเร็วกริฟฟินอัลคีด
แห้งใน 18 – 24 ชั่วโมง
** สีน้ำมันมีระยะเวลาการแห้งแตกต่างกันในสีกริฟฟินแต่ละสี ถ้ามีระยะเวลาแห้งที่เกินกว่านี้ย่อมผิดปกติ **
การเขียนภาพสีน้ำมันหนา ( อิมแพสโต )
   การ ระบายสีน้ำมันหนา (Impasto) อาจจะแสดงรอยย่นเมื่อสีแห้งลง ปัญหาเช่นนี้อาจแก้ไขได้ โดยระบายสี เป็นชั้นบางๆ ปล่อยให้แต่ละชั้นแห้งก่อนที่จะระบายชั้นต่อไป การเลือกใช้ออชีโอแพสโต (Oleopasto) จะช่วย เพิ่มความหนา โดยมีระยะเวลาการแห้งของสีเร็วขึ้น  ข้อสำคัญควรหลีกเลี่ยงการระบายชั้นสีบาง บนชั้นสีหนา
สีชั้นล่างของอิมแพสโตจะหดตัวเมื่อสีแห้ง และอาจจะทำให้สีชั้นบนแตก
สีพื้นฐาน
การ ใช้สีในระยะแรกควรใช้สีหลากหลาย สมดุลระหว่างสีโปร่งใสและสีทึบแสง และสมดุลระหว่างสีค่าแก่ และสีค่าอ่อนเป็นสีที่มีความคงทนสูง ไม่จำเป็นต้องเป็นสีที่มีราคาสูงนัก สีพื้นฐานในระยะแรกควรมีความ
หลากหลาย ประมาณ 12 สี และเพิ่มเติมตามความจำเป็นเฉพาะอย่าง 

อ้างอิงจาก www.google.co.th